PM 2.5 ทำร้ายผิวได้จริงหรอ?

Last updated: 11 Apr 2024  |  145 Views  | 

PM 2.5 ทำร้ายผิวได้จริงหรอ?

PM 2.5 คืออะไร ?

     คำว่า PM ย่อมาจาก particulate matter ซึ่งเป็นหน่วยวัดขนาดของอนุภาคที่อยู่ในอากาศ PM 2.5 ก็คืออนุภาคของฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เป็นฝุ่นละเอียด มีลักษณะเป็นเขม่าควัน หรือไอเสียจากการเผาเชื้อเพลิงต่างๆ ด้วยขนาดที่เล็กของ PM 2.5 ทำให้ฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจได้มากกว่าฝุ่นทั่วไป กระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดในสมอง ติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่าง โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ ไซนัส เป็นต้น หากคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ความดัน ไขมัน เบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมอง สัมผัสกับฝุ่นควัน PM2.5 เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง จะกระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจถึงเสียชีวิตได้

 

PM 2.5 มาจากไหน?

  • ไอเสียดีเซล
  • การเผาไหม้ในที่โล่ง
  • อุตสาหกรรมโรงงาน
  • ฝุ่นละอองทั่วไป และการก่อสร้าง
  • ก๊าซอื่นๆ ในบรรยากาศ

PM 2.5 ทำร้ายผิวยังไง ?

     PM 2.5 สามารถกระตุ้นหืดหอบ มีอาการกำเริบ และในระยะยาวจะส่งผลให้ปอดเสื่อมประสิทธิภาพ จนอาจก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอด รวมถึงสามารถส่งผลต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือดได้อีกด้วย มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าฝุ่นละอองสามารถแทรกซึมเข้าไปทางผิวหนัง และก่อให้เกิดการระคายเคืองได้

ผลกระทบเฉียบพลัน

  • กระตุ้นการอักเสบ
     PM 2.5 จะเข้าไปกระตุ้นการอักเสบที่ผิวหนัง ทำให้เกราะป้องกันผิวแย่ลง เซลล์ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองช้าลง จึงระคายเคือง เกิดผด ผื่นแพ้ฝุ่น คันตามผิวหนัง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความต้านทานของผิวหนังน้อย เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง จะได้รับผลกระทบมากกว่าปกติ เพราะผดผื่น หรืออาการผิวหนังอักเสบที่เป็นอยู่เดิมจะกำเริบขึ้นมาได้
  • กลไกผิวหนังผิดปกติ

     ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังกำพร้าของมนุษย์โดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังที่มากขึ้นได้ มีงานวิจัยจากประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 เพียงแค่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็สามารถกระตุ้นการอักเสบของผิวหนังได้แล้ว ซึ่งฝุ่นละอองนี้จะทำให้การทำงานของเซลล์ผิวหนังผิดปกติไป ทั้งในด้านกลไกการป้องกันของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และการซ่อมแซมผิวหนัง

  • ทำลายโปรตีน Filaggrin

     PM 2.5 จะทำลายโปรตีนที่ผิวหนัง (Filaggrin) ซึ่งมีหน้าที่เป็นโปรตีนที่ช่วยป้องกันผิวหนัง และเพิ่มการหลั่งสารกระตุ้นการอักเสบที่ผิวหนัง ดังนั้นเมื่อผิวหนังสัมผัสกับฝุ่นละออง PM 2.5 ก็จะเกิดการอักเสบ ระคายเคืองที่ผิวหนังได้

  • PM 2.5 จับตัวกับสารเคมี/โลหะ นำพาเข้าสู่ผิว

     เมื่อจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่าง ๆ และนำพาเข้าสู่ผิวหนัง มีผลทำร้ายเซลล์ผิวหนัง และกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคันที่ผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคผิวหนังเดิมอยู่แล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน สิว ผมร่วง จะทำให้มีการระคางเคือง คันมากขึ้น ผื่นกำเริบมากขึ้นได้

ผลกระทบเรื้อรัง

  • ผิวเสื่อมชราก่อนวัย  
  • ก่ออนุมูลอิสระทำร้ายผิว
  • ยับยั้งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • ลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันผิวหนัง

     ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 จะกระตุ้นการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว กระตุ้นการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และทำให้ภูมิต้านทานผิวอ่อนแอลง มีงานวิจัยพบว่า ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่สามารถส่งผลร้ายต่อเซลล์ผิวหนังมนุษย์ ทั้งในกระบวนการสร้างเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะความชราของผิวหนัง รวมถึงจุดด่างดำบนชั้นผิวหนังด้วย โดยพบว่ามีการเกิดจุดด่างดำบริเวณใบหน้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังพบการลดลงของการทำงานในระบบภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังด้วยเช่นกัน

การดูแลผิวท่ามกลางวิกฤติฝุ่น PM 2.5

  • ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก

     กำจัดฝุ่นละอองที่ตกค้างบนผิวหนัง โดยทำความสะอาดผิวหน้าแบบ Double Cleansing (Cleansing Oil + Cleansing Foam/Gel) ที่เหมาะกับสภาพผิว

  • ใช้ Moisturizer ปรับสมดุล

     ทาครีมที่มีส่วนผสมของ Moisturizer ให้ความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ผิวแข็งแรงมากขึ้น สามารถช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะจากฝุ่นได้

  • ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ

     เลือกครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA, UVB, Visible- Light และ Infrared เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

อย่าลืมระมัดระวังตนเอง หลีกเลี่ยงการเผชิญกับฝุ่น รวมทั้งดูแลผิว ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม เพื่อสร้างความแข็งแรง คืนความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวกันนะคะ
 
 
คุณหมอโบ
แพทย์หญิงอัญช์วราพัชร์ ธรรมจีรัญ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามกว่า 10 ปี

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้